Wheels & Waves 2025: ปรากฏการณ์แห่งความเร็ว ศิลปะ และเสียงคลื่น จากโรยัล เอ็นฟีลด์

พร้อมเผยโฉม “Custom World” เหล่าสุดยอดรถคัสตอม

เทศกาล “Wheels and Waves Edition 14” ได้ปิดฉากลงอย่างยิ่งใหญ่แล้ว ณ เมืองบิอาร์ริตซ์ ประเทศฝรั่งเศส ตลอดระยะเวลา 5 วันเต็ม ระหว่างวันที่ 11 ถึง 15 มิถุนายน 2025 ผู้เข้าร่วมงานได้ดื่มด่ำกับประสบการณ์หลากหลาย ทั้งการแข่งรถ Sprint สุดระห่ำที่ Punk’s Peak, การผจญภัย Enduro แบบวินเทจ, นิทรรศการศิลปะ, การแข่งขัน Dirt Track สุดมันส์หรือการโชว์ลีลาเซิร์ฟที่ Duo Log Surf Contest และลีลาบนบอร์ดที่ Hit The Deck Skate Contest

พร้อมตื่นตาตื่นใจกับการจัดแสดง “Royal Enfield Custom World” ที่นำสุดยอดรถคัสตอมมาอวดโฉมเป็นครั้งแรก โดยสามคันแรกที่เราจะมาเล่าในวันนี้ ได้แก่ GRR สร้างสรรค์โดย XTR PEPO จาก Royal Enfield Guerrilla 450cc, PHOENIX ผลงานของ Putu Ajus Mulyawarman ที่พลิกโฉม Royal Enfield Super Meteor 650cc และ SAMURAI จาก Takuya Aikawa SURESHOT ที่ใช้ Royal Enfield Shotgun 650cc ดึงดูดทุกสายตาด้วยการออกแบบที่เหนือจินตนาการ และบอกเล่าเรื่องราวที่ไม่ธรรมดาของแต่ละคัน

หนึ่งในผลงานที่โดดเด่นคือ GRR สร้างสรรค์โดย XTR PEPO จากสเปน ซึ่งนำ Royal Enfield Guerrilla 450cc น้องใหม่มาปรับโฉมให้กลายเป็น Supermono คุณ Pepo ผู้หลงใหลในเครื่องยนต์สูบเดี่ยวและมีประสบการณ์ในวงการมอเตอร์ไซค์มากว่า 30ปี ได้สร้างสรรค์รถคันนี้ขึ้นที่กรุงมาดริด โดยได้รับแรงบันดาลใจจากการแข่งขัน Endurance Racing ทำให้ GRR มีรูปลักษณ์และสมรรถนะที่พร้อมสำหรับทั้งถนนและสนามแข่ง เฟรมรถได้รับการดัดแปลงใหม่ทั้งหมด รวมถึงซับเฟรมเดี่ยวและสวิงอาร์มอะลูมิเนียม ระบบกันสะเทือนเลือกใช้โช้ค Showa ขนาด 43 มม. ที่ปรับได้ พร้อมโช้คหลัง Nitron R1 ส่วนระบบเบรกจัดเต็มด้วยคาลิปเปอร์ Disccacciatti และปั๊มเบรก Brembo ล้อ DYMAG CH3A อะลูมิเนียมฟอร์จน้ำหนักเบาดีไซน์คลาสสิก 3 ก้าน บอดี้เวิร์คของ GRR คือจุดเด่น ที่ได้รับการออกแบบโดย FUTURA 2000 และ Alberto Caimi โดยพัฒนาต่อยอดด้วยระบบการออกแบบ 3 มิติเพื่อสร้างแม่พิมพ์สำหรับชิ้นส่วนบอดี้เวิร์คไฟเบอร์กลาส ลายเส้นของตัวรถมีเรียบง่ายแต่ก็ดูพิเศษในเวลาเดียวกัน ถังน้ำมันมีแถบใสโปร่งแสงที่ช่วยให้มองเห็นระดับน้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่างมีสไตล์ การออกแบบที่กะทัดรัดนี้ผสานส่วนหน้า ถังน้ำมัน และเบาะนั่งเดี่ยวเข้าด้วยกันอย่างลงตัวราวกับเป็น Monocoque เบาะนั่งเดี่ยวสามารถถอดออกได้ เพื่อซ่อนอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมด เช่น รีเลย์ ฟิวส์ และแบตเตอรี่ ปิดท้ายด้วยท่อไอเสีย XPIPE ขนาด 45 มม. พร้อมปลายท่อ Spark Titanium Carbon ที่ให้เสียงเร้าใจ

ถัดมาคือ PHOENIX ผลงานชิ้นเอกของ Putu Ajus Mulyawarman ผู้ก่อตั้ง AMS Garage ในซานูร์ เดนปาซาร์ บาหลี และเป็นผู้ชนะรางวัล Kustomfest หลายสมัย AMS Garage มีชื่อเสียงในการสร้างสรรค์ผลงานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยเส้นสายและส่วนโค้งของบอดี้เวิร์คที่สะกดทุกสายตา เมื่อเห็น Phoenix สิ่งแรกที่นึกถึงคือสไตล์ Lowrider ซึ่งเป็นโปรเจกต์ความร่วมมือระหว่าง AMS Garage และ RE Custom World ที่นำเสนอการตีความใหม่ของสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ Lowrider โดยมี Royal Enfield Super Meteor 650cc เป็นพื้นฐาน แม้ว่า Lowrider จะเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมยานยนต์ในสหรัฐอเมริกามานาน แต่ AMS Garage ต้องการนำเสนอสิ่งที่แตกต่างจากประเพณี Bagger ที่พวกเขาเคยทำมา โดยเน้นแนวคิด “Traditional Bagger” ที่ท้าทาย ลักษณะเด่นคือ งานเฟรมและบอดี้เวิร์คสุดปราณีต

ส่วนชื่อ “Phoenix” ที่ถูกเลือกเพื่อเป็นตัวแทนของมอเตอร์ไซค์คันนี้ ได้รับแรงบันดาลใจจากนกในตำนานกรีกที่สื่อถึงการฟื้นคืนชีพและการเริ่มต้นใหม่ รูปร่างโดยรวมของมอเตอร์ไซค์คล้ายกับนกที่สง่างามและเปล่งประกาย นำมาซึ่งพลังงานบวกและความงามที่จับใจ เฟรมรถถูกสร้างขึ้นแบบ Hardtail ซึ่งเป็นสไตล์ที่พบได้บ่อยในมอเตอร์ไซค์ Chopper ให้ความรู้สึกถึงรุ่นเก๋า ระบบกันสะเทือนด้านหน้าใช้ระบบ Girder ผสมผสานกับโช้คอัพลม เพื่อคงลักษณะเฉพาะของ Bagger บอดี้เวิร์คทำจากแผ่นอะลูมิเนียมหนา 3 มม. แกะสลักด้วยลายเส้นที่เป็นเอกลักษณ์ของ AMS Garage พร้อมการตกแต่งแบบ “Tribal Style” และขัดเงาด้วยมือ (Hairline HandPolished) ทำให้ได้งานตัวถังแบบ RAW ไม่เหมือนใคร และท่อไอเสียงานแฮนด์เมดแบบ Free Flow ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้ Phoenix เป็นสัญลักษณ์ของการเกิดใหม่และความงามที่น่าทึ่งในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน

และสุดท้ายคือ SAMURAI โดย Takuya Aikawa SURESHOT จาก Royal Enfield Shotgun 650cc สร้างสรรค์เป็น “Compact Performance Chopper” ที่ผสมผสานสไตล์และสมรรถนะเข้าไว้ด้วยกัน รถคันนี้เปิดตัวครั้งแรกที่งาน Yokohama Hot Rod and Custom Show ในเดือนธันวาคม 2024 ก่อนจะไปจัดแสดงในงานมอเตอร์ไซค์โชว์ที่โอซาก้า โตเกียว และนาโกย่า เฟรมหลักทำด้วยมือเกือบทั้งหมดโดยคุณ Aikawa แม้ว่าบางส่วนของเฟรมจะดัดแปลงมาจาก SHOTGUN 650 เฟรมห่วงด้านหลังอันโดดเด่นถูกสร้างขึ้นใหม่ โดยมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในส่วนของเส้นผ่านศูนย์กลางท่อ ความกว้าง และมุมโค้ง โช้คหน้าและแกนโช้คหน้ามาจาก SHOTGUN 650 ขณะที่สวิงอาร์มเป็นชิ้นส่วนอะลูมิเนียมกลึงแบบดั้งเดิม โช้คหลังเป็นโช้คเดี่ยวแบบ Link-Type ที่ออกแบบโดยคุณ Aikawa ตัวเขาเอง โดยมีชุดโช้คหลังอยู่ใต้เบาะเฟรมหลักสร้างขึ้นด้วยมือเกือบทั้งหมด แม้ว่าบางส่วนจะดัดแปลงมาจาก ระบบเบรกหน้าเป็นแบบ Inboard Disc ที่ซ่อนอยู่ในดุมล้อ ล้อหน้าขนาด 21 นิ้ว และล้อหลัง 16 นิ้ว

ถูกกลึงจากอะลูมิเนียม พร้อมยาง Drag Racing Slick ที่ล้อหลัง ส่วนเครื่องยนต์ถูกเพิ่มความจุจาก 648cc เป็น 865cc ด้วยชุด S&S Big Bore kit พร้อมการจูนระบบหัวฉีดและจุดระเบิดหัวเทียนอย่างละเอียด

โดยคุณAikawa เป็นที่รู้จักในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับจูนระบบหัวฉีดและระบบจุดระเบิดหัวเทียน ทำให้ SAMURAI ไม่ได้มีดีแค่สไตล์ แต่ยังพิสูจน์สมรรถนะด้วยการทำเวลา 12.804 วินาทีในการแข่งขัน JD-STAR Drag Racing Championship ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างศิลปะและวิศวกรรมโดยแท้

ความสวยงามของโลกคัสตอมยังไม่จบเพียงนี้ เรายังมีรถคัสตอมสุดเจ๋งจากโรยัล เอ็นฟีลด์ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและความรักต่อการขับขี่ของเหล่านักบิดมาเล่าสู่กันฟัง โปรดติดตามซีรี่ย์ RE: Custom Worldตอนต่อไป