โยฮันน์ ซาร์โก นำขาด คว้าชัยชนะประวัติศาสตร์ในศึกโมโต จีพี ที่ฝรั่งเศส
เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1954 ที่นักแข่ง MotoGP ชาวฝรั่งเศสคว้าชัยโฮมเรซ
ศึก เฟรนช์ กรังด์ปรีซ์ เต็มไปด้วยฝนเทลงมาสร้างความสับสนในการเลือกยางให้กับนักบิดทุกคน ส่งผลให้การออกสตาร์ตล่าช้าออกไป และเป็น ซาร์โก ทีม LCR Honda Castrol นักบิดเจ้าถิ่นที่ตัดสินใจอย่างยอดเยี่ยม คว้าชัยชนะที่สร้างสถิติผู้ชมสูงสุดในฝรั่งเศสจะไม่มีวันลืม เป็นครั้งแรกในรอบ 71 ปี นับตั้งแต่ปี 1954 ที่นักแข่ง MotoGP เจ้าถิ่นคว้าชัยชนะบนแผ่นดินเกิด ในการแข่งขันกรังด์ปรีซ์ที่เต็มไปด้วยดราม่าอย่างไม่น่าเชื่อที่เลอมังส์ มาร์ค มาร์เกซ จบอันดับสองด้วยระยะห่างเกือบ 20 วินาที ในขณะที่ อเล็กซ์ มาร์เกซ และ ฟรานเชสโก บันญายา ไม่สามารถทำแต้มได้ในสนามนี้ เฟอร์มิน อัลเดอร์เเกร์ คว้าโพเดียม MotoGP ได้เป็นครั้งแรกในอาชีพ
ความตึงเครียดพุ่งสูงสุดในช่วงก่อนไฟดับ เมื่อฝนโปรยปรายลงมาบนสนามเลอมังส์ในช่วงเตรียมตัว ขณะที่นักแข่งออกไปวอร์มอัพ โดยทุกคนใช้ยางสลิกของมิชลิน แต่ก็ชัดเจนว่าเป็นยางผิดประเภท กวาร์ตาราโร่เกือบล้มที่โค้ง 3 และเมื่อจบรอบวอร์มอัพ นักแข่งทุกคนเลี้ยวเข้าพิทเลนทำให้ต้องยกธงแดง และต้องเตรียมพร้อมสำหรับขั้นตอนการรีสตาร์ทอย่างรวดเร็วในกรังด์ปรีซ์ฝรั่งเศส การแข่งขันถูกลดลงหนึ่งรอบเหลือ 26 รอบ โดยประกาศให้เป็นการแข่งขันในสภาพเปียก ซึ่งหมายความว่านักแข่งสามารถเข้าพิทและเปลี่ยนรถได้ทุกเมื่อหลังจากที่การแข่งขันเริ่มต้น
แถมมีดราม่าเพิ่มขึ้นอีกในตอนท้ายของรอบสำรวจสนาม นักแข่งมากกว่าครึ่งกริด รวมถึงกวาร์ตาราโร่ ทีม Monster Energy Yamaha MotoGP, อเล็กซ์ มาร์เกซ ทีม BK8 Gresini Racing MotoGP และ มาร์ค มาร์เกซ ทีม Ducati Lenovo เข้าพิท ในขณะที่ฟรานเชสโก บันญายา ทีม Ducati Lenovo ยังคงอยู่บนกริด
เริ่มการแข่งขันก็เกิดดราม่าทันที เหมือนกับในการแข่งขันสปรินต์เรซ บันญายาล้มที่โค้ง 3 ในรอบแรก ในขณะที่กวาร์ตาราโร่นำหน้ามาร์ค มาร์เกซ และอเล็กซ์ มาร์เกซ ส่วนอัลเดอร์เเกร์ ทีม BK8 Gresini Racing MotoGP อยู่อันดับสี่ บันญายากลับมาแข่งต่อและเข้าพิทเลนเพื่อเปลี่ยนไปใช้ยางรถสภาพแห้ง นักแข่งชาวอิตาเลียนตามหลังคนอื่นไปไกล และเนื่องจากนักแข่งมากกว่าครึ่งกริดเข้าพิทเมื่อสิ้นสุดรอบสำรวจสนาม เลยได้รับโทษลองแลปสองครั้ง
กวาร์ตาราโร่ ซึ่งนำอยู่กว่าหนึ่งวินาที เป็นคนแรกในกลุ่มผู้นำที่เลี้ยวเข้าสู่ลูปลองแลพ อเล็กซ์ มาร์เกซ, อัลเดอร์เเกร์ และ มาเวริค บียาเลส ทีม Red Bull KTM Tech3 เป็นกลุ่มถัดไปที่เข้า แต่มาร์ค มาร์เกซไม่เข้า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่บันญายาถูกแซงไปรอบที่แล้ว ซึ่งเป็นหายนะสำหรับเปคโก้ ที่หลังจากนั้นเข้าพิทเพื่อเปลี่ยนยางแห้ง เป็นการตัดสินใจที่พิสูจน์ว่าเป็นการเสียหายอีกครั้งในเวลาไม่นาน
ซาร์โกยังคงนำจากนั้น กวาร์ตาราโร่ นักบิดเจ้าถิ่นผู้จุดประกายของชาวฝรั่งเศส ล้มที่โค้งสุดท้ายและแบรด บินเดอร์ ทีม Red Bull KTM Factory Racing ที่อยู่ด้านหลังนักบิดชาวฝรั่งเศสก็ล้มด้วย สร้างความบาดใจและผิดหวังให้กับผู้ชมกว่า 100,000 คนในสนามเลอมังส์
กลับมาที่สนาม เปโดร อคอสต้า ทีม Red Bull KTM Factory Racing และบียาเลส กลับเข้าพิทเลนเพื่อเปลี่ยนกลับมาใช้ยางเปียก มาร์คและอเล็กซ์เป็นคนต่อไปที่เข้าพิท ทำให้อัลเดอร์แเกร์นำด้วยระยะห่างกว่า 12 วินาที แต่ตอนนี้ นักแข่งมือใหม่ชัดเจนว่าใช้ยางผิดประเภท และแน่นอน หมายเลข 54 เข้าพิทในรอบถัดไป
ซาร์โกยังคงใช้ยางเปียกและเขานำอยู่เจ็ดวินาทีเหนือ มิเกล โอลิเวียร่า ทีม Prima Pramac Yamaha MotoGP นักแข่งชาวโปรตุเกสทำเช่นเดียวกับซาร์โก โดยมี มาร์ค มาร์เกซ และอเล็กซ์ มาร์เกซ กดดันโอลิเวียร่าในรอบที่ 9
พี่น้องมาร์เกซแซงโอลิเวียร่าที่กำลังดิ้นรนอย่างง่ายดาย และเมื่อเหลือ 17 รอบ ช่องว่างระหว่างผู้นำซาร์โกและคู่มาร์เกซอยู่ที่ 8.5 วินาที ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นเก้าวินาทีเมื่อเหลือ 15 รอบ จากนั้นเป็น 9.3 วินาที เมื่อซาร์โกทำเวลาต่ำกว่า 1:46 นาที โดยมาร์เกซทำเวลาใกล้เคียงกับฮีโร่เจ้าบ้าน อเล็กซ์ มาร์เกซกำลังห่างจากหมายเลข 93 แต่หมายเลข 73 มีระยะห่าง 6 วินาทีจากอคอสต้าที่อยู่อันดับสี่
เมื่อเหลือ 11 รอบ ซาร์โกก้าวสู่ชัยชนะกรังด์ปรีซ์ในบ้านเกิดอย่างน่าทึ่ง ช่องว่างเพิ่มขึ้นเป็น 11.5 วินาที จากนั้นเป็น 12.4 วินาที เมื่อซาร์โกทำเวลาเร็วกว่าทุกคนบนแทร็กอย่างน้อยหนึ่งวินาที แนวโน้มนี้ยังคงดำเนินต่อไปเมื่อความได้เปรียบเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 14 วินาทีเมื่อเหลือเจ็ดรอบ ขณะที่เราได้เห็นการล้มสองครั้ง ล้มแรกคือโอลิเวียร่าล้มที่โค้งสุดท้าย จากนั้น อเล็กซ์ มาร์เกซล้มที่โค้ง 3 โชคดีที่ผู้นำแชมเปี้ยนชิพคนก่อนกลับขึ้นรถ และเนื่องจากมีช่องว่างระหว่างนักแข่งหลายคน ผู้ชนะกรังด์ปรีซ์สเปนกลับเข้าร่วมการแข่งขันในอันดับ 6 การหลุดออกไปนั้นทำให้อคอสต้าขึ้นมาอยู่อันดับ 3
หลังจากกลับเข้าสู่การแข่งขัน อเล็กซ์ มาร์เกซตกลงไปในกรวดอีกครั้งและน่าเสียดายที่กรังด์ปรีซ์ฝรั่งเศสของเขาจบลง แต่ความหวังในการขึ้นโพเดียมของทีมเกรซินี่ยังไม่จบ เพราะอัลเดอเเกร์กำลังไล่ตามอคอสต้าด้วยความรวดเร็วเมื่อเหลือสองรอบ นักแข่งมือใหม่อยู่ด้านหลังของอคอสต้าอย่างใกล้ชิด และที่ด้านหน้า ซาร์โกนำอยู่ 19 วินาที ชาวฝรั่งเศสเพียงแค่ประคองรถฮอนด้าของเขาไปจนถึงธงหมากรุก
อัลเดอเเกร์แซงอคอสต้าได้ แต่ทุกสายตาจับจ้องไปที่หมายเลข 5 เหลืออีกหนึ่งรอบ และซาร์โก้ก็ทำได้สำเร็จ หลังคาของเลอมังส์ถูกยกขึ้นเพราะเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1954 ที่นักแข่ง MotoGP ชาวฝรั่งเศสคว้าชัยชนะบนแผ่นดินเกิด เหลือเชื่อช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่สำหรับซาร์โก ทีม LCR Honda Castrol และฝูงชนผู้ชมที่ทำลายสถิติในกรังด์ปรีซ์ฝรั่งเศส
มาร์ค มาร์เกซ ข้ามเส้นชัยห่างจากซาร์โกไป 19.9 วินาที เก็บคะแนนสำคัญได้อย่างสวบงาม ส่วนอัลเดอเเกร์เข้ามาเป็นที่ 3 คว้าโพเดียมครั้งแรกเป็นความมสุดยอดสำหรับนักแข่งมือใหม่
อคอสต้ามาเป็นอันดับ 4 ขณะที่บียาเลส ได้อันดับท็อปไฟว์ให้ KTM ในฝรั่งเศส ทาคาอากิ นาคากามิ จาก Honda HRC Test Team คว้าอันดับ 6 อย่างยอดเยี่ยมในการแข่งขันไวลด์การ์ดครั้งแรกของเขาสำหรับโรงงานญี่ปุ่น ส่วนราอูล เฟอร์นานเดซ เก็บผลงานที่ดีที่สุดของฤดูกาลในอันดับ 7
ฟาบิโอ ดิ จันนันโตนิโอ ทีม Pertamina Enduro VR46 Racing Team, ลอเรนโซ ซาวาโดริ ทีม Aprilia Racing และไอ โอกุระ ทีม Trackhouse MotoGP Team จบท็อปเท็น ส่วนลูก้า มารินี่ ทีม Honda HRC Castrol, อเล็กซ์ รินส์ ทีม Monster Energy Yamaha MotoGP, เอเนีย บาสเตียนินี ทีม Red Bull KTM Tech3, มาร์โก เบียงเซคคี ทีม Aprilia Racing และฟรังโก้ มอร์บิเดลลี ทีม Pertamina Enduro VR46 Racing Team ปิดท้ายผู้ทำคะแนน โดยบันญายาเป็นผู้เข้าเส้นชัยคนสุดท้ายในอันดับ 16
Cr: MOTO GP