CHERY ส่งมอบความช่วยเหลือพนักงานผู้จำหน่าย ที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้
ซึ่งเปรียบเสมือนสมาชิกในครอบครัวของเชอรี ได้รับผลกระทบและประสบความยากลำบากในการดำเนินชีวิตภายหลังน้ำลด
เชอรี (CHERY) ผู้นำด้านยานยนต์ระดับโลกที่มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า พร้อมยึดมั่นในค่านิยมหลักขององค์กรในการดำเนินธุรกิจ เพื่อก้าวสู่การเป็น “แบรนด์อันดับหนึ่งที่ทุกครอบครัวไว้วางใจ” ได้ร่วมส่งมอบความช่วยเหลือแก่พนักงานผู้จำหน่ายเชอรีที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้
มร. จิม ลี ผู้อำนวยการบริหารแบรนด์ เชอรี ประเทศไทย กล่าวว่า หนึ่งในค่านิยมหลักของเชอรีคือคำว่า “ครอบครัว” ซึ่งสะท้อนถึงความห่วงใยและการดูแลซึ่งกันและกัน สำหรับเหตุการณ์อุทกภัยในครั้งนี้ พนักงานเชอรีในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ ซึ่งเปรียบเสมือนสมาชิกในครอบครัวของเชอรี ได้รับผลกระทบและประสบความยากลำบากในการดำเนินชีวิตภายหลังน้ำลด บริษัทจึงได้มอบความช่วยเหลือเป็นเงินรวม 120,000 บาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะช่วยให้พนักงานและครอบครัวสามารถผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบาก และกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว
นอกจากนี้ กลุ่มผู้บริหารจาก Chery Group นำโดย คุณเซดริก ชุย ประธานบริษัท โอโมด้า แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมด้วย คุณ จิม ลี ผู้อำนวยการบริหารแบรนด์ เชอรี ประเทศไทย และ คุณบิล จาง ผู้อำนวยการบริหารแบรนด์ OMODA & JAECOO ประเทศไทย ได้ร่วมลงพื้นที่เพื่อส่งมอบเครื่องใช้ไฟฟ้า อาทิ พัดลม และหม้อหุงข้าว รวมมูลค่า 300,000 บาท เพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูบ้านเรือนของผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะในเขตอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้
เกี่ยวกับ CHERY
Chery Automobile Co., Ltd. ก่อตั้งขึ้นในปี 1997 เป็นแบรนด์ยานยนต์ระดับโลกจากประเทศจีน มุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ผ่านเครือข่ายศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D) ในหลายประเทศ อาทิ จีน เยอรมนี สหรัฐอเมริกา และบราซิล มีบุคลากรมากกว่า 25,000 คนทั่วโลก
CHERY เป็นผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมยานยนต์จีนในตลาดโลก ด้วยยอดขายสะสมกว่า 15 ล้านคันทั่วโลก และครองตำแหน่งผู้นำด้านการส่งออกรถยนต์นั่งส่วนบุคคลจากจีน ต่อเนื่องเป็นปีที่ 22 ปัจจุบันดำเนินธุรกิจในกว่า 120 ประเทศ มีโรงงานในต่างประเทศ 16 แห่ง และตัวแทนจำหน่ายกว่า 3,200 แห่งทั่วโลก มีผู้ใช้กว่า 18 ล้านคนทั่วโลก โดย 5 ล้านคนอยู่นอกประเทศจีน






