สหการประมูล รายงานผลประกอบการ Q1 ปี 68 มีรายได้รวม 266.39 ล้าน
ยืนยันยังมีปัจจัยหนุนปริมาณรถยนต์จะหมุนเวียนไหลเข้าสู่ธุรกิจประมูล
บริษัท สหการประมูล จำกัด (มหาชน) หรือ AUCT รายงานผลการดำเนินธุรกิจประจำไตรมาส 1 ปี 2568 มีรายได้จากการให้บริการเท่ากับ 263.72 ล้านบาท มีกำไรสุทธิจำนวน 54.73 ล้านบาท ยืนยันแม้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังคงลดลง แต่จำนวนรถยนต์จดทะเบียนสะสมที่เพิ่มขึ้นแสดงให้เห็นถึงทิศทางปริมาณรถที่จะหมุนเวียนไหลเข้าสู่ธุรกิจประมูล
นายวรัญญู ศิลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สหการประมูล จำกัด (มหาชน) หรือ (AUCT) เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการในไตรมาส 1/2568 เท่ากับ 263.72 ล้านบาท ลดลง 79.10 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 23.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้จากการประมูลเท่ากับ 221.26 ล้านบาท ลดลง 68.56 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 23.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 49.64 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 18.3 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
ส่วนรายได้ค่าขนย้ายและบริการเสริมในไตรมาส 1/2568 เท่ากับ 42.46 ล้านบาท ลดลง 10.54 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 19.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 4.19 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 9.0 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน จากการชะลอตัวของจำนวนรถที่เข้าสู่ลานประมูลและจำนวนรถจบประมูลต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาส 4/2567
สำหรับต้นทุนบริการไตรมาส 1/2568 เท่ากับ 146.57 ล้านบาท ลดลง 1.52 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 1.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 27.25 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 15.7 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ทั้งนี้ ต้นทุนบริการส่วนใหญ่เป็นต้นทุนเกี่ยวกับพนักงาน ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย และค่าเสื่อมราคาสิทธิ การใช้ที่ดินตามสัญญาเช่า
อย่างไรก็ตามบริษัทฯ มีกำไรสุทธิในไตรมาส 1/2568 จำนวน 54.73 ล้านบาท ลดลง 65.03 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 54.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 20.40 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 27.2 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ตามปริมาณรถจบประมูลที่ชะลอลง
นายสุธี สมาธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหการประมูล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแนวโน้มของธุรกิจว่า จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล การขยายเวลาของมาตรการ “คุณสู้ เราช่วย” การแจกเงินหมื่นของภาครัฐเฟส 2 และเฟส 3 รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยเพิ่มขึ้นจากการขยายเวลาการพำนักของนักท่องเที่ยว ตลอดจนราคาน้ำมันในประเทศที่ลดลง ปัจจัยบวกเหล่านี้มีผลต่อดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค แต่ยังมีแรงอ่อน ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังคงลดลงต่อเนื่อง จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับนโยบายสงครามการค้าและเหตุการณ์แผ่นดินไหว รวมถึงผู้บริโภคยังรู้สึกว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้าและค่าครองชีพสูง
ทั้งนี้ ทิศทางการชะลอตัวของยอดจัดสินเชื่อรถยนต์ใหม่จากความเข้มงวดการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงินสอดคล้องกับยอดขายรถยนต์ใหม่ไตรมาส 1/2568 ที่ลดลงร้อยละ 6.5 เมื่อเทียบไตรมาส 1/2567 (YoY) ในขณะที่หนี้ครัวเรือนยังคงอยู่ในระดับสูง และสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีทะเบียนรถเป็นประกันยังคงขยายตัวต่อเนื่อง รวมถึงภาพรวมของชิ้นส่วน REM หรือชิ้นส่วนอะไหล่ที่ใช้ในการซ่อมบำรุงรถยนต์ มีการขยายตัวตามปริมาณรถยนต์จดทะเบียนสะสมที่เพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นถึงทิศทางปริมาณรถที่จะหมุนเวียนไหลเข้าสู่ธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าคุณภาพหนี้ยังอยู่ในระดับสูง ทั้งสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) และสัดส่วนหนี้ค้างชำระ Stage 2 แต่การขยายเวลาโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ยังถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการชะลอตัวของรถที่จะไหลเข้าสู่ธุรกิจประมูล ซึ่งบริษัท ฯ จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมเร่งแผนเพิ่มคู่ค้าทางธุรกิจทั้งที่เป็นสถาบันการเงินและที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน